พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก

อัพเดทล่าสุด 1 ม.ค. 2565 21:54:33 น. เข้าชม 311 ครั้ง

ราคา ไม่ระบุ

รายละเอียดประกาศ

พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก พระตำหนักไม้สักโปร่งขนาดใหญ่บนดอยสุเทพ ของ เจ้าดารารัศมี พระราชชายา เป็นที่ทรงเพาะพันธุ์ปลูก กุหลาบจุฬาลงกรณ์[1] และเป็นที่ออกประทับรับรอง พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ในพระบรมราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ ภายหลัง เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ได้ถวายที่ดินและพระตำหนักแก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร

 พระตำหนักไม้สักโปร่งขนาดใหญ่บนดอยสุเทพ ของ เจ้าดารารัศมี พระราชชายา เป็นที่ทรงเพาะพันธุ์ปลูก กุหลาบจุฬาลงกรณ์[1] และเป็นที่ออกประทับรับรอง พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ในพระบรมราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ ภายหลัง เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ได้ถวายที่ดินและพระตำหนักแก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร

พระตำหนัก พระราชชายาฯ เชิงดอยสุเทพ(ม่อนจ๊อกป๊อก)
- เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๗ พระราชชายา เจ้าดารารัศมีเสด็จกลับมาประทับนครเชียงใหม่อย่างถาวรแล้ว ทรงได้สร้างพระตำหนักที่ใกล้พระธาตุดอยสุเทพ และได้สร้างถวายช่อฟ้าวิหารพระธาตุดอยสุเทพในปี พ.ศ.๒๔๖๐ พระตำหนักหลังนี้ ได้โปรดให้สร้างขึ้นบนดอยสุเทพใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อน พระตำหนักไม่มีชื่อเรียกโดยเฉพาะ แต่คนทั่วไปมักจะเรียกว่า "พระตำหนักพระราชชายาฯ" สร้างขึ้นบนยอดเนินตรงหัวมุมโค้งช่วงสุดท้ายของถนนศรีวิชัยเลยโค้งขุนกันฯ ซึ่งเป็นโค้งหักมุมและลาดชัน เป็นเนินที่อยู่ตำกว่าที่ตั้งวัดลงมาประมาณ ๒๐๐ เมตร มักจะเสด็จมาประทับเสมอๆในฤดูร้อน เป็นอาคารไม้สักล้วนขนาดใหญ่มีใต้ถุนสูงมุงหลังคากระเบื้องซีเมนต์ปลูกอยู่บนยอดเนินสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายในตัวเมืองเชียงใหม่ได้ชัดเจน ที่ใกล้พระตำหนัก ทรงเพาะพันธุ์ปลูก กุหลาบจุฬาลงกรณ์ที่ออกดอกใหญ่โตและหอมมาก(อันเป็นที่มาของเพลงดังอย่างกุหลาบเวียงพิงค์) และเป็นที่ออกประทับรับรอง พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ในพระบรมราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ และทรงปลูกดอดมณฑาขนาดใหญ่ใกล้ๆกับบันไดทางขึ้นพระตำหนัก มีเรื่องเล่ากันว่า " ยามเมื่อดอกมณฑาต้นนี้ออกดอกจะส่งกลิ่นหอมอบอวลทีเดียว สมัยก่อนเมื่อใครเดินขึ้นไปบนดอยสุเทพมักจะถือโอกาสขึ้นเด็ดดอกมณฑาจากต้นนี้ติดมือเอาขึ้นไปบูชาพระบนวัดพระธาตุดอยสุเทพเสมอ " ต่อมาภายหลัง ทรงยกพระตำหนักหลังนี้ ถวายเป็นสมบัติของวัดพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อพระราชชายา เจ้าดารารัศมีสิ้นพระชนม์แล้วจึงเป็นหน้าที่ของทางวัดพระธาตุดอยสุเทพเป็นผู้ดูแล แต่ทางวัดเองก็ไม่มีงบประมาณมาดูแลจึงถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ชำรุดทรุดโทรม ตัวพระตำหนักผุพังไปเรื่อยๆ จนต้องรื้อทิ้งไป.

ประกาศ/โฆษณาอื่นๆ ของสมาชิกท่านนี้